ในการดำเนินการกิจกรรม TPM นั้นมีอยู่เสาที่เป็นเอกลักษณ์หรือลักษณะพิเศษอย่างแท้จริง ไม่มีเครื่องมือไหนที่จะเน้นการพัฒนาคนอย่างเป็นระบบจริงจัง โดยแนวคิดมาจากว่า
“ เราจะดูแลเครื่องจักรของเราเอง ”
โดยเน้นการการปรับปรุงสภาพหน้างานจริง เสานั้นก็คือ Autonomous Maintenance นั้นเอง หากมองบริบทของเสานี้จะพบว่าเป็นการพัฒนาบุคคลอย่างเป็นขั้นตอน เพราะพัฒนาบุคคลเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเพิ่มผลผลิตขององค์กร การฝึกให้พนักงานรู้และชำนาญด้านเครื่องจักรเป็นเป้าหมายสูงสุดของกิจกรรม Pillar 2 : Autonomous Maintenance
หลายคนเคยสงสัยว่าทำไมต้องทำกิจกรรม Autonomous Maintenance ผมเองก็เช่นเดียวกัน เพื่อให้ภาพชัดๆ คุณลองจินตนาการเป้นพนักงานฝ่ายผลิตและกำลังใช้เครื่องจักรในขณะเดียวกันนั้นเครื่องจักรของคุณก็หยุดจะเสียตามลำดับ ทำให้ต้องตามช่างบำรุงมาซ่อม หากใช้เวลาซ่อม 5-10 นาที ก็คงดีแต่ในความเป็นจริงแล้วใช้เวลาเป็นชั่วโมงและอีกอย่างนึงที่สำคัญในโลกปัจจุบันนี้ คือ การเจริญเติบโตของเหล่าหุ่นยนต์มีมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งทำให้ความต้องการ บุคคลทางด้านเทคโนโลยีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งในการสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาแต่ละครั้งนั้น จะมีแต่มนุษย์เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถเป็นผู้ป้อนข้อมูลคำสั่งเข้าไปในระบบ เพื่อออกคำสั่งให้แก่หุ่นยนต์ได้ และซ่อมบำรุงเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นการทำ Autonomous Maintenance หรือ Jishu hozen shi นั้นมีความเข้มข้นถึงต้องมีการสอบ Monodzukuri Test เพราะสิ่งที่เป็นพื้นฐานของ Monodzukuri Test ระบบ Jishu hozen shi ในญี่ปุ่น Jishu hozen shi นี้ มาจากแนวคิดที่ว่า “เครื่องจักรของตัวเอง ดูแลด้วยตัวเอง” เป็นระบบที่มีไว้เพื่อสร้าง operator ที่เก่งในเรื่องเครื่องจักร นั้นเอง
ดังนั้น วัตถุประสงค์ของ Autonomous maintenance ที่แท้จริง คือ เพื่อยกระดับความสามารถด้านการบำรุงรักษาเครื่องจักรให้กับผู้ควบคุมเครื่องจักร , ด้านการควบคุมสายการผลิต รวมถึงด้านการปรับปรุงและควบคุมเงื่อนไขให้กับผู้ควบคุมเครื่องจักร โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะกำจัดความสูญเสียให้หมด
แนวคิดการบำรุงรักษาด้วยตนเอง (JIPM)
จะมีด้วยกันทั้งหมด 7 step ซึ่งแต่ละ step มีความหมายและจุดประสงค์ ดังนี้
Step 1-3 : เครื่องจักรเปลี่ยน
- การซ่อมแซมอาการผิดปกติ
- การทำความสะอาด คือ การตรวจสอบ
- การตรวจสอบ คือ ค้นหาสิ่งบกพร่อง
- สิ่งบกพร่อง คือ สิ่งที่ต้องแก้ไขและปรับปรุง
- ความสามารถในการค้นหาสิ่งผิดปกติ ให้มีการนำเสนอผลสำเร็จจากการปรับปรุงมากยิ่งขึ้น
ผลที่ได้ คือ ลดของเสียและการขัดข้อง มุ่งเน้นการกำจัดและเตรียมเงื่อนไขพื้นฐาน
Step 4-5 : คนเปลี่ยน
- เห็นผลจากการซ่อมแซมและปรับปรุง
- ปลื้มปิติในความสำเร็จ (ถ้าไม่เห็นผลชัดเจนแนวความคิดของคนจะไม่เปลี่ยน)
- ความคิดเปลี่ยน : ของเสียและการขัดข้องเป็นสิ่งที่น่าอาย
- กิจกรรมเปลี่ยน : ความพยายามมากขึ้นในการปรับปรุง , ดำเนินการบำรุงรักษาและการจัดการอย่างต่อเนื่อง
ผลที่ได้ : ของเสีย / การขัดข้องเป็นศูนย์โดยแท้จริง
Step 6-7 : โรงงานเปลี่ยน
- การพัฒนาจากล่างขึ้นบนโดยกลุ่มย่อย
- พนักงานค้นหาปัญหาเพื่อแก้ไข ได้อย่างเป็นระบบ
- เพิ่มความเข็มแข็งภายในงานผลิต โดยใช้การดูแลจัดการเครื่องจักรพื้นฐาน
- สร้างระบบการจัดการที่ยั่งยืนด้วยการดูแลจัดการด้วยตนเองอย่างจริงจัง
ผลที่ได้ : พนักงานสามารถทำงานที่ควบคุมได้ตนเองได้
จะเห็นถึงการทำงานที่เชื่อมโยงกัน โดยปรกติการทำ Autonomous maintenance Step 1-3 จะใช้เวลาอยู่ที่ 3 ปี เป็นขั้นต่ำ จากนั้นก็จะยกระดับพนักงานด้วยStep 4-5 ตามขั้นตอน
บทความฉบับนี้เป็นการนำเสนอให้ทุกท่านรู้ถึงความหมายและจุดประสงค์ของ Autonomous maintenance ทั้ง 7 step ก่อน เพื่อปรับพื้นฐานความเข้าใจกันก่อน เพื่อตอกย้ำความสามารถของกิจกรรม Autonomous maintenance
เรามาดูกันว่าพฤติกรรมแบบนี้มีเกิดขึ้นในองค์กรคุณหรือไม่
- ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขพื้นฐาน
- ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการใช้งาน
- เมื่อขัดข้อง แล้วแก้ไขเฉพาะจุดนั้น ไม่พิจารณาจุดอื่นๆ
- ออกแบบมาไม่เหมาะสมกับสภาพการใช้งานจริง
- ไม่มีทักษะในการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่องจักร
หากองค์กรคุณพิจารณาแล้วว่ามีพฤติกรรมทั้ง 5 ข้อนี้
ผมแนะนำให้คุณรีบดำเนินการ Autonomous maintenance อย่าเร่งด่วน !!!
เพราะยิ่งบ่อยในเนินนานไปเครื่องจักรก็จะสึกหรอและชำรุดอย่างหนักและยากจะเยี่ยวยา
#ก่อนที่จะพูดว่าทำไม่ได้ให้ลองทำ
#ไม่มีสักวันเดียวที่จะผ่านไปโดยไม่มีการปรับปรุงในส่วนหนึ่งส่วนใดในองค์กร
บทความที่เกี่ยวข้อง
#TPMInstructor
#วิศวกรเค้นประสิทธิภาพ
#Engiperform
#Coach_Art
You must be logged in to post a comment.