MTBF , MTTR คืออะไร

การเพิ่มผลผลิตของ PM Pillar นั้นมีตัวชี้วัดหลักจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ Reliability and Maintainability , Maintenance Efficiency , Maintenance Cost แต่ตัวชี้วัดที่ PM Pillar นิยมใช้ในจะเป็นด้านความน่าเชื่อถือและการบำรุงรักษา คือ MTBF และ MTTR

MTBF และ MTTR  ??? 

MTBF หมายถึง Mean Time Between Failures หมายถึง ระยะเวลาเฉลี่ยก่อนการเสียหายแต่ละครั้ง

MTTR หมายถึง Mean Time To Repair คือ ระยะเวลาเฉลี่ยตั้งแต่เสียหายจนใช้งานได้แต่ละครั้ง

      ซึ่งแต่ละค่านั้นสามารแปลความแตกต่างโดยค่า MTBF  เป็นการวัดสมรรถนะความเชื่อถือได้ ( Reliability Performance) เป็นเวลาเฉลี่ยที่เครื่องจักรสามารถทํางานได้ตามปกติระหวางจุดการทํางาน ซึ่งเนื่องมาจากการบํารุงรักษาเครื่องจักรที่มีสมรรถนะสูงเชื่อถือได้สูง หมายถึงมีค่า MTBF ที่ยาวนาน  สมรรถนะความเชื่อที่ได้มีอิทธิพลสูงมากในช่วงเริ่มต้นของโครงการในการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องจักร และมีผลกระทบต่อการผลิตและการบํารุงรักษาในช่วงการดําเนินงานคําจํากัดความของสมรรถนะเชื่อถือได้อย่างเป็นทางการ คือ ความสามารถของเครื่องจักร ในการทํางานได้ตามต้องการภายใต้เงื่อนไข และสภาพการทํางานที่กาหนดในช่วงเวลาที่กำหนด

MTBF มักถูกวัดในหน่วยเวลา เช่น ชั่วโมง วัน หรือปี ค่า MTBF ที่สูงแสดงถึงอุปกรณ์หรือระบบที่มีความเสถียรสูงและมีความน่าเชื่อถือ ในทางตรงกันข้าม ค่า MTBF ที่ต่ำหมายถึงอุปกรณ์หรือระบบที่มีความไม่เสถียรและมีความเสี่ยงในการเกิดข้อขัดข้องสูง สามารถคำนวณหรือวัดได้โดยใช้ข้อมูลจากการตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์หรือระบบ โดยหากมีการเกิดข้อขัดข้องหรือการล่มสลาย จะบันทึกเวลาที่เกิดข้อขัดข้อง และทำการนับจำนวนครั้งที่เกิดข้อขัดข้อง จากนั้นจะนำเวลาทั้งหมดที่ใช้ในการทำงานและจำนวนครั้งที่เกิดข้อขัดข้องมาคำนวณเพื่อหาค่า MTBF

สูตรคำนวณ MTBF (Mean Time Between Failures) คือ:

MTBF = ผลรวมของเวลาการทำงานของระบบหรืออุปกรณ์ (ในหน่วยเวลา) / จำนวนครั้งที่เกิดข้อผิดพลาดหรือความล้มเหลว

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น สมมติว่าเรามีระบบหรืออุปกรณ์ที่ทำงานเป็นเวลารวมกัน 1,000 ชั่วโมง และระบบหรืออุปกรณ์นี้เกิดข้อผิดพลาดหรือความล้มเหลว 10 ครั้ง ในช่วงเวลานั้น

MTBF = 1,000 ชั่วโมง / 10 ครั้ง

MTBF = 100 ชั่วโมง

ดังนั้น MTBF ของระบบหรืออุปกรณ์นี้คือ 100 ชั่วโมง หมายความว่าเฉลี่ยระบบหรืออุปกรณ์นี้ทำงานได้ประมาณ 100 ชั่วโมงก่อนที่จะเกิดข้อผิดพลาดหรือความล้มเหลวครั้งถัดไป

        MTTR เป็นการวัดค่าสมรรถนะการบํารุงรักษาได้ (Maintainability Performance) ซึ่งสมรรถนะการบํารุงรักษาสมรรถนะการบํารุงรักษาได้วัดจากค่าเฉลี่ยของเวลาในการซ่อมแซมเครื่องจักรและมีอิทธิพลอย่างมากจากการออกแบบเครื่องจักร MTTR จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กบการออกแบบของเครื่องจักรและความชํานาญของช่างในการบํารุงรักษา ถ้าสมรรถนะการบํารุงรักษาได้มีค่าสูง หมายถึงค่า MTTR ที่สั้น คือ ใช้เวลาสั้นในการซ่อมแซมเครื่องจักร คําจํากดความของ สมรรถนะการบํารุงรักษาได้อย่างเป็นทางกา รคือ ความหมายของเครื่องจักรภายใต้สภาพการใช้งานตามกำหนดสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้หลังจากเริ่มการทําบํารุงรักษาด้วยขั้นตอนและทรัพยากรที่กำหนด ถ้าต้องการให้สมรรถนะความพร้อมใช้งานสูงขึ้น จําเป็นต้องเพิ่มสมรรถนะความเชื่อถือได้สมรรถนะสนับสนุนการบํารุงรักษาและสมรรถนะการบํารุงรักษาได้ให้สูงขึ้

สูตรคำนวณ MTTR คือ:

MTTR = ผลรวมของเวลาที่ใช้ในการซ่อมแซมหรือแก้ไข (ในหน่วยเวลา) / จำนวนครั้งที่ซ่อมแซมหรือแก้ไข

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น สมมติว่าเรามีระบบหรืออุปกรณ์ที่เกิดข้อผิดพลาดหรือความล้มเหลว และใช้เวลาทั้งหมด 100 ชั่วโมงในการซ่อมแซมให้เป็นที่เรียบร้อย

MTTR = 100 ชั่วโมง / 1 ครั้ง

MTTR = 100 ชั่วโมง

ดังนั้น MTTR ของระบบหรืออุปกรณ์นี้คือ 100 ชั่วโมง หมายความว่าเฉลี่ยใช้เวลาในการซ่อมแซมหรือแก้ไขปัญหาครั้งละ 100 ชั่วโมง ก่อนที่จะกลับมาทำงานได้ตามปกติอีกครั้ง

ประโยชน์ของ MTBF:

  1. วัดความน่าเชื่อถือ: MTBF คือเวลาที่ระบบหรืออุปกรณ์ทำงานได้ต่อเนื่องก่อนเกิดข้อผิดพลาด การมี MTBF สูงแสดงถึงความน่าเชื่อถือของระบบหรืออุปกรณ์เนื่องจากมีระยะเวลาการทำงานที่ยาวนานก่อนเกิดข้อผิดพลาดหรือความล้มเหลว
  2. วางแผนการบำรุงรักษา: ทราบค่า MTBF ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนกำหนดการบำรุงรักษาและการตรวจสอบสภาพของระบบหรืออุปกรณ์เพื่อรักษาความเสถียรและความพร้อมในการทำงาน
  3. การประเมินความพร้อมใช้งาน: MTBF สามารถนำมาใช้ในการประเมินความพร้อมใช้งานของระบบหรืออุปกรณ์ ค่า MTBF สูงแสดงถึงระบบหรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานและมีความเสถียรในการใช้งาน

ประโยชน์ของ MTTR:

  1. วัดความรวดเร็วในการซ่อมแซม: MTTR คือเวลาที่ใช้ในการซ่อมแซมหรือแก้ไขข้อผิดพลาดหรือความล้มเหลว การมี MTTR ต่ำแสดงถึงความรวดเร็วในการซ่อมแซมที่ช่วยลดเวลาหยุดขัดข้องและประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
  2. วางแผนการซ่อมแซม: ทราบค่า MTTR ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนการซ่อมแซมและเตรียมพร้อมในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดหรือความล้มเหลว เพื่อลดเวลาหยุดขัดข้องและสามารถนำระบบหรืออุปกรณ์กลับมาทำงานได้เร็วที่สุด
  3. วัดประสิทธิภาพของการซ่อมแซม: MTTR สามารถนำมาใช้ในการวัดประสิทธิภาพของการซ่อมแซมและการแก้ไขปัญหา ค่า MTTR ต่ำแสดงถึงการซ่อมแซมที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา

การใช้ MTBF และ MTTR ในการปรับปรุงและการวิเคราะห์ปัญหาช่วยให้องค์กรเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการและระบบต่าง ๆ และช่วยให้องค์กรทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยลดระยะเวลาของหยุดขัดข้องและเพิ่มประสิทธิภาพในการซ่อมแซม การบำรุงรักษา และการใช้งานในระยะยาว ควรทำภายในการบริหาร Planned Maintenance Pillar (หรือ PM Pillar) ในกระบวนการ Total Productive Maintenance (TPM) มีจุดประสงค์เพื่อสร้างและดำเนินการแผนการบำรุงรักษาอย่างเป็นระบบและอัตโนมัติเพื่อรักษาความพร้อมในการทำงานของอุปกรณ์และเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตหรือการทำงานขององค์กร ซึ่งมีจุดประสงค์หลัก ๆ ดังนี้:

1 เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: PM Pillar มีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของอุปกรณ์และเครื่องจักร โดยมีการวางแผนในการบำรุงรักษาและการซ่อมแซมให้เป็นระบบ ทำให้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด

2.ลดการเสียเวลาในการหยุดขัดข้อง: การบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องและเตรียมการในการซ่อมแซมทำให้ลดการเกิดข้อผิดพลาดและความล้มเหลวของอุปกรณ์ ซึ่งช่วยลดเวลาที่อุปกรณ์หยุดทำงานและลดการเสียหายในกระบวนการ

3.เพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์: การบำรุงรักษาที่เป็นระบบและอย่างต่อเนื่องช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์ ลดสภาพที่สึกหรอและสภาพที่สึกอย่างเป็นทางการ ทำให้อุปกรณ์ใช้งานได้นานขึ้น

4.ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม: การวางแผนและดำเนินการแผนการบำรุงรักษาที่เป็นระบบช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและการแทนอะไหล่ที่เสียหาย ทำให้ลดต้นทุนในการบำรุงรักษาขององค์กร

5.ส่งเสริมการเรียนรู้และความรับผิดชอบ: PM Pillar เปิดโอกาสให้ทีมงานเรียนรู้และพัฒนาทักษะในการดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ ทำให้ทีมงานมีความรับผิดชอบและสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้เอง

อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์และการจัดการเครื่องจักรหรือระบบไม่ควรพึ่งพาเพียง MTBF เพียงอย่างเดียว ต้องพิจารณาความสำคัญของอุปกรณ์และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น ความเสี่ยงทางธรรมชาติ การใช้งานที่ผิดพลาด ฯลฯ ในการตัดสินใจเพื่อให้มีการบำรุงรักษาและการวางแผนการจัดการที่เหมาะส

ท้ายสดนี้ MTBF และ MTTR เป็นค่าที่มีความสำคัญในการวัดความเสถียรและความพร้อมในการทำงานของอุปกรณ์และระบบต่าง ในการทำงานขององค์กร ความสามารถในการทำงานของอุปกรณ์และระบบต่าง มีผลต่อประสิทธิภาพและความสำเร็จในกระบวนการผลิต การวัดและประเมิน MTBF และ MTTR ช่วยให้องค์กรวางแผนและดำเนินการแผนการบำรุงรักษาและการซ่อมแซมอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสียหายทางเศรษฐกิจและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตขององค์กรอย่างยั่งยืน

การเพื่อเพิ่มระยะเวลาเดินเครื่องจักรให้ยาวนานขึ้น (MTBF)

และลดเวลาในการซ่อมเครื่องจักรให้สั้นลง (MTTR)

เพื่อไป Zero Breakdown เครื่องจัก

#ก่อนที่จะพูดว่าทำไม่ได้ให้ลองทำ
#ไม่มีสักวันเดียวที่จะผ่านไปโดยไม่มีการปรับปรุงในส่วนหนึ่งส่วนใดในองค์กร

FB : www.facebook.com/HOZENANDKAIZEN

#TPMInstructor #วิศวกรเค้นประสิทธิภาพ #Engiperform #Coach_Art

Posted in UncategorizedTagged