การทำงานที่จะได้ซึ่งประสิทธิภาพและประสิทธิผลนั้น คุณต้องวิธีการทำงานที่เป็น “งานมาตรฐาน” หากอยากจะรู้ว่างานมาตรฐานที่ดีนั้นเป็นอย่างไร ลองสมมติให้พนักงานใหม่ที่เข้ามาปฏิบัติงานตามงานมาตรฐานแล้ว “ผลิตของเสียออกมาหรือไม่” ถ้ายังผลิตของเสียแสดงว่า งานมาตรฐานยังไม่มีประสิทธิผล โดยงานมาตรฐานที่ดีต้องมุ่งเน้นให้เกิด Productivity ซึ่งตามแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ ต้องมีการวัดผล Output/Input
Productivity ต้องมีครบทั้ง 2 ส่วน ได้แก่ ประสิทธิภาพแบะประสิทธิผล
- ประสิทธิผล คือ การทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ สามารถตอบสนองความต้องการที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความมีจริยธรรม
- ประสิทธิภาพ คือ การทำงานโดยลดความสิ้นเปลื้อง ความสูญเปล่าให้น้อยที่สุด เมื่อยล้าที่สุด ใช้เวลาสั้นที่สุด
หากจะมองการระบบทำงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ผมของยกระบบการผลิตแบบ Toyota ซึ่งระบบนี้ให้ความสำคัญการสร้างงานมาตรฐานที่ผสมผสานระหว่างคน สิ่งของ เครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ภายใต้เงื่อนไขของสภาพปัจจุบัน รวมทั้งมุ่งพัฒนาในเรื่องคุณภาพ ต้นทุน ความปลอดภัย และลักษณะงาน ดังนั้น งานมาตรฐานจึงเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งของการผลิตแบบ Just In Time
จริงๆแล้ว Standardized Work หรือ งานมาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ใช้ในเวลาผลิตของโรงงานผลิต โดยรวบรวมงานต่าง ๆ ที่ใช้การเคลื่อนไหวของคนเป็นหลัก เพื่อให้มีวิธีการผลิตอย่างมี ประสิทธิภาพมากที่สุดตามลำดับขั้นตอนโดยไม่มี มุดะ เงื่อนไขของการสร้างงานมาตรฐานแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
- ด้านการทำงาน (เงื่อนไขเวลาที่กำหนด)
- ให้ความสำคัญการเคลื่อนไหวของคนเป็นหลัก
- เป็นงานที่ทำซ้ำ ๆ
- ด้านอุปกรณ์ (เงื่อนไขเวลานำไปใช้)
- ลดข้อขัดข้องของอุปกรณ์ให้เหลือน้อยที่สุด
- ลดความไม่สม่ำเสมอในไลน์ให้น้อยที่สุด
- ด้านคุณภาพ (เงื่อนไขเวลานำไปใช้)
- ลดข้อขัดข้องเรื่องคุณภาพในไลน์ให้เหลือน้อยที่สุด
- ลดความไม่สม่ำเสมอของความเที่ยงตรงแม่นยำให้เหลือน้อยที่สุด
การสร้างงานมาตรฐานนั้น ข้อสำคัญที่ผมใช้พิจารณามี 3 เรื่องที่ผมให้ความสำคัญ คือ รอบเวลาทำงาน,ลำดับการปฎิบัติงาน และมีมาตรฐานให้ดูตลอดเลย และการสร้างต้องออกมาในรูปแบบเอกสารเพื่อเป็นการยืนยันผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เช่น
- ตารางประสิทธิภาพของแต่ละกระบวนการผลิต
- ตารางงานมาตรฐานผสม
- แผนภาพงานมาตรฐาน
- เอกสารอื่น เช่น WI
ด้วยเหตุผลนี้การสร้างงานมาตรฐานถึงสำคัญต่อทุกงานที่ต้องการทำแล้วให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งกลไกที่ช่วยให้งานมาตรฐานยกระดับให้สูงขึ้น คุณต้องดำเนินการกิจกรรม Kaizen (ไคเซ็น) ควบคู่ไปพร้อมกัน เพราะการทำไคเซ็นถือเป็นเส้นเลือดชีวิตของงานที่ได้รับการปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน เพราะการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อต้องการลดความสูญเปล่า (Muda) โดยเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการเสนอความเห็น รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานที่เคยถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านั้นเอง
#ก่อนที่จะพูดว่าทำไม่ได้ให้ลองทำ
#วินัยสร้างจากมาตรฐานที่มีประสิทธิผล
FB : www.facebook.com/HOZENANDKAIZEN
#TPMInstructor #วิศวกรเค้นประสิทธิภาพ #Engiperform #Coach_Art