การสร้าง Zero Defect ในสายการผลิตนั้นเป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำ
ทำไมผมถึงพูดแบบนี้ เพราะการที่เรามีความมุ่งมั่นที่จะกำจัดของเสียที่เกิดขึ้นเป็นหน้าของของทุกคนในองค์กร
หากนึกและมองย้อนกลับไปที่นโยบายหรือเป้าหมายขององค์กรแล้วนั้น จะมีข้อความว่า “ ความพึงพอใจของลูกค้า ”
ลูกค้าที่ว่านั้นเป็นลูกค้าภายนอกหรือผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าของเรา ที่อยากได้สินค้าที่มีคุณภาพตามที่เราได้การันตีไว้
ซึ่งบางครั้งเราเองก็มองข้ามไปว่า ลูกค้าภายในเรานั้นสำคัญยิ่งกว่า เพราะการสร้างคุณภาพนั้นต้องเกิดจากการภายในองค์กรและส่งต่อไปถึงลูกค้า ถ้าเราผลิตของเสียภายในองค์กรได้มากน้อยเท่าไร โอกาสที่ของเสียจะถูกส่งออกไปให้ลูกค้าก็มีมากน้อยเท่านั้น
ด้วยการที่ผมทำงานโรงงานมาตลอด10 กว่าปี ทำงานแก้ไขปัญหาเป็นอาชีพหลัก มีความเชื่อกับระบบหนึ่งที่ได้ทำและเห็นผลจริง คือ Total Productive Maintenance หรือ TPM ซึ่งมีวัตถุประสงค์มีเพียง 2 ข้อคือ
- การพัฒนาบุคคลากร –> สำหรับรองรับ Factory Automation
- ไคเซ็นระบบเครื่องจักร –> เพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร
กับหลักการพื้นฐานทั้ง 5 ข้อ
- สร้างโครงสร้างบริษัทที่สร้างกำไรได้
- ปรัญชาการป้องกันล่วงหน้า
- เน้นสถานที่จริง ของจริง
- ทุกคนมีส่วนร่วมในการดำเนินการ
- ปรับเปลี่ยนสามัญสำนึกขึ้นใหม่
หากมองเรื่องการขจัดของเสียจากการสายการผลิตนั้น เครื่องมือบริหาร TPM นั้นได้มีเสาการบำรุงรักษาคุณภาพ หรือ (Quality Maintenance) ซึ่งนิยามไว้ว่า “การผลิตต้องอาศัยเครื่องจักร คุณภาพจึงขึ้นอยู่กับสภาพของเครื่องจักรมากขึ้น” ดังนั้นในสภาพที่มีการใช้คนที่น้อยลง เป้าหมายของการ บำรุงรักษาคุณภาพก็คือดูแลและปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยการบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งการ Zero Defect ประกอบการสร้างรากฐาน 5 เสา ดังต่อไปนี้
Focus improvement Pillar: เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยการขจัดการสูญเสียหลัก 16 ประการ
Autonomous Maintenance Pillar: สร้างคนที่สามารถบริหารจัดการด้วยตนเองได้
Planned Maintenance Pillar: สร้างกิจกรรมการบำรุงรักษาที่สามารถรักษาสภาพ (ปัญหาทุกอย่างที่เกี่ยวกับเครื่องจักร และอุปกรณ์) เป็นศูนย์
Early Management Pillar: สร้างกลไกที่สามารถควบคุมการพัฒนาสินค้าให้สามารถผลิตที่ดีมีคุณภาพออกมาได้ตั้งแต่ครั้งแรกแบบMaintenance Prevention Design (EPM)และการพัฒนาเครื่องจักร อย่างประหยัดที่สุดและเร็วที่สุด แบบ Vertical Startup(EEM)
Education & Training Pillar: พัฒนาบุคลากรสำหรับพัฒนาคนองค์กรอย่างยั่งยืน
- จัดทำ Competency Model ของพนักงาน ทุกตำแหน่ง
- พัฒนาทักษะการซ่อมบำรุงของ Operator
- พัฒนาทักษะการควบคุมของ Operator
- พัฒนาทักษะพิเศษของช่างซ่อมบำรุง
และจะที่ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด คือ Safety Health & Environment Pillar : รักษาความปลอดภัยแม้สถานการณ์นอกเหนือการคาดการณ์
- สร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัย อุบัติเหตุ เป็นศูนย์
- สร้างสถานที่ทำงานที่ดีต่อสุขภาพ และน่าทำงาน ไม่สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อมกับชุมชนรอบข้าง
โดยทั้ง 5 Pillar นั้นจะเป็นสิ่งที่พัฒนาให้ 4M นั้นแข็งแรงและพร้อมที่จะสร้าง Zero Defect
เพื่อให้งานต่อการเข้าใจผมเลยเขียน Zero defect Flowchart เพื่อมองให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
หลายองค์กรที่ผมได้ร่วมงานและองค์กรขนาด SME ที่ผมได้เข้าไปช่วยในการปรับปรุงงานด้านคุณภาพนั้น มุ่งเน้นแต่จะแก้ไขปัญหาจนละเลยและมองข้ามองค์ประกอบทั้ง 5 Pillar จึงทำให้ไม่สามารถขจัดของเสียจากกระบวนการผลิตได้สักที ยังไม่ช้าที่ทุกองค์กรจะเริ่มสร้าง Zero Defect ขอให้ก้าวไปทีละขัน อดทน และมุ่งมั่น เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรและสร้างมูลค่าให้กับตัวเอง
“ กระบวนการที่ดีจะการันตีผลลัพธ์ ”
(สามารถทำซ้ำได้)
#Productivityengineer
You must be logged in to post a comment.