ดัชนีตัวชี้วัดประสิทธิภาพเพื่อวัดผลการทำงานที่บริษัทนั้น มีมากมายไม่มีอะไรตายตัวนัก แต่ตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนให้เห็นเป็นรูปธรรม ต้องเลือกแบบมีความเชื่อมโยง แต่ในความเป็นจริงนั้น จะมีดัชนีวัดบางตัวไม่เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงผลการปฏิบัติงานที่แท้จริง ทำไมถึงผมต้องบอกแบบนี้ล่ะ เพราะตัวชี้วัดนั้นจะติดตามและกำหนดทิศทางของกิจกรรมอย่างชัดเจน
การสร้างดัชนีชี้วัดแบบ TPM คือ การตั้งเป้าหมายหรือ Target Deployment จะแบ่งเป็นระดับ3 Key หลักๆ เพื่อการตั้งเป้าหมายต้องสามารถทำได้จริง มีที่มาที่ไป มีเหตุและผล ไม่ใช่ทำไปทุกเรื่องหรือทำแบบไม่มีการวิเคราะห์อะไรเลย หรืออยากทำอะไรก็ทำ เพราะตัวชี้วัดทุกเรื่องคุณต้องสร้างความเชื่อโยงหลายๆ มิติ เช่น ด้านการเงิน , ด้านคุณภาพ , ด้านการส่งมอบ เป็นต้น
1. Key Management indicator (KMI) ที่ได้มาจาก TPM Policy
ค่าดัชนีชี้วัดนี้จะสอดคล้องกับนโยบายบริษัทหลัก โดย KMI สอดคล้องใหญ่จะยึดตามหลัก PQCDSME ดัชนีชี้วัดนี้เป็นของผู้บริหารระดับสูง
2. Key Performance indicator (KPI)
ดัชนีแสดงผลลัพธ์การดำเนินการว่าของเป้าหมายขององค์กร ที่สอดคล้องกับ KMI และตัวชี้บ่งว่ามีกำไรหรือได้โบนัสได้เลยเพราะถ้าคุณไม่ทำ KPI ก็จะไม่ส่งผลต่อ KMI ดัชนีชี้วัดนี้เป็นของผู้บริหารระดับกลางหรือผู้จัดการแผนกต่างๆ
3. Key Activity indicator (KAI)
เพื่อแสดงผลลัพธ์การดำเนินการกิจกรรมนั้นๆ ว่าส่งผลต่อเป้าหมายหลักขององค์หรือไม่ กิจกรรมจะเป็นการยืนยันผลว่าถ้าทำกิจกรรมนี้แล้วจะต้องส่งกับ KPI ซึ่งกิจกรรมนี้ล่ะ จะได้มาจากการกำหนดความสูญเสีย 16 Major Loss ดัชนีชี้วัดนี้เป็นของระดับ Operation , Engineer , Supervisor เป็นต้น
สามารถแบ่งประเภทของ KPI สามารถแบ่งได้เป็น 7 กลุ่มหลักๆ ดังนนี้
P = Productivity ติดตามประสิทธิภาพและปัญหาการผลิต: OEE , Mean time Between Failure (MTBF) , Mean time to Repair (MTTR)
Q = Quality ติดตามแสดงปัญหาด้านคุณภาพที่ส่งผลต่อองค์กรและสายการผลิต: Claim , Quality rate
C = Cost เชื่อมโยงถึงองค์ประกอบของต้นทุนการผลิต: Cost reduction , Energy cost
D = Delivery ติดตามเรื่องการส่งมอบสินค้าและจัดส่งเป็นไปตามแผน: Leadtime , Delivered In Full, On Time (DIFOT) , On Time In Full (OTIF)
S = Safety ติดตามเรื่องความปลอดภัยของพนักงาน: Accident , Lost time Accident
M = Morale ติดตามเรื่องขวัญกำลังใจและความรู้สึกที่ดีของพนักงาน: Skill Management , No. of Kaizen , No of why -why analysis.
E = Environment ติดตามปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการผลิต: Environment complain , Waste management.

การบริหารงานแบบ TPM นั้นจะดำเนินการแบบเสาหรือ Pillar ซึ่งประกอบไปด้วยทั้ง 8 Pillar
Pillar 1 : Focus Improvement (การปรับปรุงเพื่อลดการสูญเสีย)
วัตถุประสงค์ : การปรับปรุงเฉพาะจุด เน้นการสร้างผลกำไร มุ่งกำจัดความสูญเสียทั้งหมดภายในองค์กร
Pillar 2 : Autonomous Maintenance (การบำรุงรักษาด้วยตนเอง)
วัตถุประสงค์ : พัฒนาบุคลากรให้เก่งในเครื่องจักร ซึ่งเป็นกิจกรรมเด่นที่สุดของ TPM
Pillar 3 : Planned Maintenance (การบำรุงรักษาตามแบบแผน)
วัตถุประสงค์ : บริหารการบำรุงรักษาเครื่องจักร มุ่งไปสู่ Zero Breakdown
Pillar 4 : Education and Training (ฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะการเดินเครื่องจักร)
วัตถุประสงค์ : ออกแบบการเพิ่มทักษะการเดินเครื่องและการบำรุงรักษาอย่างเป็นระบบ
Pillar 5 : Early Management (การจัดการเครื่องจักรใหม่)
วัตถุประสงค์ : กิจกรรมที่สร้างมาเพื่อป้องปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น ( Vertical Startup ) ทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่และเครื่องจักรใหม่
Pillar 6 : Quality Maintenance (การบำรุงรักษาเชิงคุณภาพ)
วัตถุประสงค์ : สร้างจิตสำนึก ด้านคุณภาพ กำจัดของเสีย เน้นการควบคุมเงื่อนไขและกำจัดเงื่อนไข ( Quality Processing ) มุ่งไปสู่ Zero Defect
Pillar 7 : Office Improvement (การปรับปรุงสำนักงาน)
วัตถุประสงค์ : ทำให้ส่วนงานสนับสนุนมีประสิทธิภาพ สร้างมาตรฐาน มีความสามารถหลากหลายและสร้างที่ทำงานที่ทำให้ทำงานง่าย
Pillar 8 : Safety Health and Environment Management (การจัดการด้านความปลอดภัย อนามัยและสิ่งแวดล้อม)
วัตถุประสงค์ : กำจัดปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยง มุ่งไปสู่ Zero Accident
ตัวอย่าง KPI ประจำเสา

สุดท้ายนี้ Total Productive Maintenance ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทำให้บริษัทสามารถสร้างผลกำไรได้โดยมีวิธีการ คือ การกำจัด Loss ทุกรูปแบบให้หมดสิ้นไป ด้วยการทำให้ “เป็นศูนย์” และ “ป้องกันการเกิดซ้ำ , ป้องกันล่วงหน้าก่อนเกิด” โดย ทุกคนมีส่วนร่วมทำกิจกรรมเพื่อกำจัดความสูญเสียให้เป็นศูนย์ (Zero Loss)
#วิศวกรเค้นประสิทธิภาพ
You must be logged in to post a comment.